เดียนเบียนฟู
สัมผัสวิถีชีวิตของชนเผ่าไทดำที่สามารถ สื่อสารภาษาไทย-ลาว หมู่บ้านชนเผ่าไทดำ หมู่บ้านเพียงเลย ทานขันโตกไทดำ แสดงวัฒนธรรมพื้นเมือง

ซาปา
หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) อยู่ห่างจาก ซาปา 3 กิโลเมตร ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของชาวเผ่าม้ง ซึ่งอพยพมาจากประเทศจีน
เมื่อกว่า 300 ปีก่อน มี เครื่องแต่งกายที่นิยมใช้โทนสีน้ำเงินเข้มหรือสีดำ ที่มีทิวทัศน์ของนาขั้นบันได การแสดงของชนเผ่าม้ง ในโรงละครแบบชาวพื้นเมือง

หมู่บ้านต่าฟาน (Ta Van Village) เป็นหมู่บ้านของชาวเขาหลายเผ่ามาอยู่รวมกัน ชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และชมทัศนียภาพนาขั้นบันไดที่ซึ่งมีเทือกเขาฟานสีปันเป็นฉากหลัง มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆ

เมืองวินห์
หมู่บ้านคิมเหลี่ยน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่านประธานโฮจิมินท์

ฮานอย
ย่านถนนเก่า 36 สาย ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีทั้งร้านที่เป็นของรัฐบาล
ของชาวบ้านราคาจะค่อนข้างถูก ให้ท่านได้เลือกหาซื้อของฝาก ไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือ เสื้อผ้า, เซรามิก, เครื่องดนตรีที่ทำจากไม้ไผ่, เรือสำเภาไม้จำลอง ภาพประดับทำจากเปลือกไข่ และของใช้ ผลไม้ และอื่น ๆ

การแสดงเชิดหุ่นกระบอกน้ำ ดนตรีพื้นเมือง และ เดี่ยว พิณสายเดียว

ฮาลองเบย์
กระชังปลา ของชาวประมงโดยจะสร้างแพและกะชังไว้สำหรับเลี้ยง กุ้ง หอย ปู ปลา เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้ออาหารทะเลสด

ช้อบปิ้งถนน 36 สาย กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ของที่ระลึกต่างๆ ฯลฯ

เว้
ตลาดดองบา ซึ่งเป็นตลาดพื้นเมือง เลือกซื้อหาของใช้และของฝาก อาทิเช่น
หมวก,กระเป๋า,เสื้อผ้า

โฮ่ยอัน(ฮอยอัน)
สินค้างานฝีมือแท้ๆ จากเวียดนาม
(เมืองฮอยอันไม่อนุญาตให้นำรถเข้า การเดินชมเมืองจึงเป็นวิธีการท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในเมือง
โฮ่ยอัน)

โฮจิมินห์
หมี่ถ่อ (Mekong Delta) หรือดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง สัมผัสวิถีการดำรงชีวิตของชาวชนบทเวียดนาม
ล่องเรือในแม่น้ำโขง สู่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เกาะเล็กๆ ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการทำลูกกวาดจากมะพร้าว
เลือกซื้อของฝากของที่ระลึกที่ใช้วัตถุดิบจากมะพร้าว การแสดงดนตรีพื้นบ้าน สวนผลไม้ ล่องเรือเล็กชมธรรมชาติและวิถีชีวิตตามชายฝั่งมาแม่น้ำโขง

ตลาดเบนถัน เลือกซื้อของฝากของที่ระลึกมากมาย อาทิเช่น เสื้อผ้า กระเป๋า ร้องเท้า ในราคาขายส่ง

ดาลัด
ตลาดไนท์บาร์ซ่า ของเมืองดาลัด สินค้านานาชนิด อาทิ ดอกไม้, เสื้อกันหนาว,ผลไม้ฤดูหนาวทั้งสดและแห้ง, ผักนานาชนิด, ขนมพื้นเมือง, กาแฟและชา

ตลาดดาลัด สินค้าพื้นเมือง เช่น ผลไม้อบแห้ง,กาแฟ,ชา เป็นต้น

เดียนเบียนฟู
วัด หว่างกวงเจิ๊ด ชนเผ่าไทบิง ( ชาวเวียดนามพื้นเมืองเดิม ) ที่เป็นชนพื้นเมืองร่วมมือกับชนเผ่า ไทดำ ใช้เป็นที่มั่น สร้างเป็นป้อมปราการ ในการขับไล่ผู้รุกราน ( จีนฮ่อ ) สงครามครั้งนั้นเรียกว่า “ ศึกแซง ” สามารถปลดปล่อยเป็นอิสระได้ ทางรัฐบาล และ ประชาชน

ฮานอย
วัดหง็อกเซิน ตั้งอยู่บนเกาะทางด้านทิศเหนือของทะเลสาบคืนดาบ กระดองเต่ายักษ์กว่าพันปี และตำนานแห่งเต่าศักดิ์สิทธิ์

วัดเสาเดียว มีลักษณะคล้ายดอกบัว ตั้งอยู่บนเสาต้นเดียวกลางสระบัวสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง
ภายในประดิษฐานรูปเจ้าแม่กวนกิมปางแสดงอภินิหารมี 10 กร สามารถขึ้นไปนมัสการด้านบนได้

ฮานอย
วัดแห่งวรรณกรรม วัดโบราณ ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานนับร้อยปี เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกและเป็นสถานที่ใช้สอบจองหงวนในสมัยโบราณ

ศาลเทพเจ้าขงจื้อ และสานุศิษย์ ปัจจุบันเป็นวัดที่นักเรียนนักศึกษาเวียดนามมาขอพรในการสอบ

เจดีย์เฉินกว๊อก เป็นหนึ่งในเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดของเวียดนาม เล่าถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของเจดีย์นี้

โฮจิมินห์
วัดเทียนเฮา (Thien-Hau Temple) วัดจีนในเขต ไชน่าทาวน์ ที่สร้างอุทิศให้กับแม่พระผู้คุ้มครองชาวเรือหรือเทพีเทียนหาว
โดยชาวพุทธกวางตุ้งในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ชาวเวียดนามเชื่อว่าเทพีองค์นี้มีก้อนเมฆเป็นพาหนะ
เพื่อช่วยคุ้มครองผู้คนให้รอดพ้นจากอันตรายจากมหาสมุทรทั้งปวง นมัสการเจ้าแม่เทียนเฮาด้วยธูปวง จุดแล้วสามารถอยู่ได้นานถึง 7 วัน

ดาลัด
พระพุทธรูปที่ วัดตรัคลาม (Truc Lam Monastery) ซึ่งสร้างขึ้นบนเนินเขา มองเห็นทะเลสาบอันกว้างใหญ่ เรียกว่า ทะเลสาบพาราไดซ์

ฮาลองเบย์
อ่าวฮาลองเบย์ ที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ ในด้านธรรมชาติ และด้านธรณีวิทยา
ล่องเรือชมเกาะน้อยใหญ่กว่า 2 พันกว่าเกาะ ที่สลับและซับซ้อนราวกับภาพวาด 3 มิติ

ถ้ำด่งเทียนกุง ที่มีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม

กระชังปลา ของชาวประมงโดยจะสร้างแพและกะชังไว้สำหรับเลี้ยง กุ้ง หอย ปู ปลา เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้ออาหารทะเลสด

ฮานอย
วัดหง็อกเซิน ตั้งอยู่บนเกาะทางด้านทิศเหนือของทะเลสาบคืนดาบ

เคารพศพของท่านโฮจิมินห์ อดีตประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ ของชาวเวียตนามที่ สุสานโฮจิมินห์ (ด้านในของสุสานจะปิดทุกวันจันทร์และศุกร์) ภายในเป็นศพที่รักษาด้วยน้ำยาอยู่ในโลงแก้ว อยู่ในสภาพเกือบ 100 % ตั้งแต่หัวจรดเท้า และมีทหารอารักขารอบทิศ

นิงห์บิงห์ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองฮานอย มีพื้นที่ที่เป็นที่ชุ่มน้ำ ในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาล ถูกเรียกว่า “ อ่าวฮาลองบนแผ่นดิน หรือ ฮาลองบก

ถ้ำตำก๊อก เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยอันน่ามหัศจรรย์ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความลึกของเทือกเขา ภูเขาและทะเลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ทะเลสาบตะวันตก ซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ของกรุงฮานอย

ซาปา
มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี ทำให้เพาะปลูกพืชผักผลไม้เมืองหนาวได้ดี ซาปาเป็นเมืองตากอากาศมาตั้งแต่ยุคฝรั่งเศสครอบครอง ได้รับการยกย่อง จากนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เป็น “สวิสเซอร์แลนด์เวียดนาม"

น้ำตกซิลเวอร์ (Silver Waterfall) ที่ขึ้นชื่อในเมืองซาปา เป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม มีความสูงประมาณ 100 เมตร ไหลเลาะลงมาจากหน้าผาหิน

ยอดเขาเมืองซาปา ( Ham Rong Mountain ) เทือกเขา               เหล่านี้ก็ได้ทอดยาวมาจากมณฑลยูนนานในประเทศจีน และจะมียอดเขาที่สูงโดดเด่นที่ สุดในบรรดายอดอื่นๆ คือ ฟานซี ปัน (Fansipan)
ของเทือกเขาหว่างเหลี่ยนเซิน นี้ นับว่าเป็น ยอดเขาที่สูงที่สุดในแถบอินโดจีน สูงถึง 3,143

เว้
ล่องแม่น้ำหอมร่วมสัมผัสบรรยากาศชาววังสมัยเก่า สีสันและชีวิต
ยามราตรีของชาวเมืองเว้ ขับกล่อมด้วยเสียงเพลงพื้นบ้านจากสาวชาวเว้ที่ดั่งเช่นที่เคยเล่นเพลง
ถวายจักรพรรดิเมื่อครั้งอดีต

โฮจิมินห์
มรดกโลก ถ้ำฟองยาแกะบ่าง ลงเรือล่องแม่น้ำซอน ชมถ้ำน้ำลอดฟองยา ซึ่งยาวที่สุดในเอเชียอาคเนย์ (14 กม.)

หมี่ถ่อ (Mekong Delta) หรือดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง สัมผัสวิถีการดำรงชีวิตของชาวชนบทเวียดนาม
ล่องเรือในแม่น้ำโขง สู่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เกาะเล็กๆ

แม่น้ำไซ่งอน ล่องเรือชมบรรยากาศยามค่ำคืน

มุยเน่ จังหวัดฟานเทียด (Phan Thiet)
Fairly Stream คล้าย ๆ แกรนด์แคนยอน ซึ่งเป็นธารน้ำสีแดงอันเกิดจากธรรมชาติเป็นผู้สร้าง ทัศนียภาพของชั้นดิน
สูงลดหลั่นกันไปสลับกับสีสันของดินทรายอย่างสวยงามชายหาดที่เงียบสงบ แหล่งน้ำสีแดง ความยาว 2 กม.
เดินผ่านธารน้ำ

ทะเลทราย มุ่ยเน่ ( Red and White sand dunces ) ภูเขาทรายสีเหลืองทองอร่ามกว้างไกลสุดสายตา
บรรยากาศชายทะเลบนยอดภูเขาทะเลทรายชมวิวทิวทัศน์ ท่ามกลางทะเลทราย
/ บึงบัวอันสวยงามเต็มไปด้วยดอกบัวสีแดง / เล่นสไลด์เดอร์บนสันทราย ขับรถ ATV ไปดูบนยอดภูเขาทะเลทราย

เดียนเบียนฟู
หอพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ “เจียน ทั่ง ลิด ซือ” หรือ ชัยชนะแห่งประวัติศาสตร์ เดียน เบียน ฟู ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับอาวุธ สงครามของทหารเวียดนาม และ ทหารฝรั่งเศส / รูปปั้นจำลองท่านโฮจิมินส์ และ นายพล โบ เหงียน เกี๊ยบ ผู้นำทหารของเวียดนาม / ป้อมปราการ Phu An Nan หรือ A1 ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของฝรั่งเศสที่มีการต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงในสมัยสงครามเวียดนาม

สุสานนักรบวีรชนเวียดนามชมฐานบัญชาการรบของฝรั่งเศสของนายพันเอกเดอ กัสตรี ผู้บัญชาการ ภายหลังเวียดนามยึดคืนได้จากฝรั่งเศส และต้องยอมแพ้ต่อทหารเวียดนามก่อนมีการโบกธงประกาศชัยชนะในสงครามครั้งนี้ / อนุสาวรีย์วีรชน “ สู้เพื่อชัยชนะ ” ตั้งอยู่บนเนินเขา กลางใจเมืองเดียนเบียนฟู

เมืองฟรัง ( Muong Phang Hamlet ) ค่ายเดียนเบียนฟ เคยเป็นฐานบัญชาการรบ ของนายพล โบ เหงียน เกี๊ยบร่วมกับทหารและนักรบประชาชน ในปัจจุบันทางรัฐบาล ได้จัดสร้างและรักษาไว้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิง ประวัติศาสตร์

ฮานอย
ธรรมเนียบประธานาธิบดี ซึ่งเดิมเคยเป็นที่ทำงานของผู้สำเร็จราชการของประเทศต่างๆ ในแถบอินโดจีน

บ้านพักของท่านโฮจิมินห์ ที่เคยพำนักอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2501-2512 บ้านพักสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ชั้นล่างใช้เป็นที่พักผ่อนและต้อนรับแขก
ชั้นบนใช้เป็นห้องนอน,ห้องทำงาน และห้องสมุด บริเวณบ้านมีการจัดตกแต่งแบบเรียบง่าย

พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ สถานที่รวบรวมและแสดง ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเวียดนาม
ผสมผสานกับชนชาติอื่น ๆ รวมทั้งชีวประวัติของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์

ดงฮา
อุโมงค์วินห์ ม็อก อุโมงค์ใต้ดิน ให้เราได้ระลึกถึงการต่อสู้และการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในสมัยสงคราม เวียดนามและ ณ เมืองดงฮา/ เส้นขนานที่ 17 ที่แบ่งเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ในดีต

อุทยานแห่งชาติ ฟองยา Phong Nha นำชมถ้ำฟองยา หรือ Hang Song Doong (ถ้ำภูเขาแม่น้ำ) มรดกโลกแห่งที่ 5 ของเวียดนาม
เป็นมรดกทางธรรมชาติ ลงเรือล่องแม่น้ำ Song ซึ่งไหลไปถึงภายในถ้ำ ถ้ำน้ำลอดฟองยา ซึ่งยาวที่สุดในเอเชียอาคเนย์ (14 กม.)
ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยเกิดเป็นรูปร่างต่างๆ เช่น ผู้หญิงผมยาว, มังกร, แม่อุ้มลูก ตามจินตนาการ

เว้
เมืองหลวงแห่งสุดท้ายในระบบการปกครองแบบกษัตริย์ของ
เวียดนามและได้รับการยืนยันจากองค์การยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนเมืองเว้ให้เป็นมรดกโลก
ทางวัฒนธรรม

พระราชวังเว้ ที่เก่าแก่และสวยงาม สร้างขึ้นตามแบบแผนความเชื่อ
แบบจีน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการอยู่ภายใต้การปกครองของจีนมาเป็นเวลาร่วมพันปี ตัวอาคารบาง
ส่วนเป็นอาคารส่วนที่เหลือรอดมาจากการต่อสู้กัน ครั้งสำคัญระหว่างเวียดนามทั้งสองฝ่ายใน
สงครามเวียดนามปี ค.ศ. 1968 ที่เรียกว่ากันว่า “สงครามตรุษญวณ” ผลจากการปะทะกัน
ในครั้งนั้นทำให้เขตพระราชฐานชั้นในหรือเรียกว่า “นครต้องห้าม” ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

เจดีย์เทียนมู่ ซึ่งตั้ง
อยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำหอม ประกอบด้วยหอคอย 8 เหลี่ยม 7 ชั้น แต่ละชั้นเป็นตัวแทนของชาติ
ภพต่างๆ

สุสานKhai
Dinh ซึ่งเป็นสุสานของจักรพรรดิที่ออกแบบสร้างผสมผสานด้วยศิลปแบบฝรั่งเศสและเวียดนาม
ประดับประดาด้วยลวดลายอย่างวิจิตรตระการตาใช้เวลาถึง 11 ปี ในการก่อสร้าง

ดานัง
อุโมงค์ไหวาน
ยาว 6.3 ก.ม. เป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในแถบอินโดจีน ซึ่งรัฐบาลได้สร้างขึ้นเพื่อร่นระยะทาง และ
เตรียมพร้อมสำหรับการเป็นศูนย์กลางทางการค้าในแถมเวียดนามกลาง

โฮ่ยอัน(ฮอยอัน)
เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม
ตัวเมืองโบราณซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่าพันปี ชมย่านการค้าของชาวจีน, ศาลเจ้าของเจ้าจีน, สะพาน
ญี่ปุ่น ซึ่งเชื่อว่าถูกสร้างเพื่อเชื่อมชุมชน 2 แห่งเข้าด้วยกัน และ บ้านโบราณอายุกว่า 200 ปี
อดีตความรุ่งเรืองการขนส่งทางน้ำเมืองนี้เดิมเป็นเมืองท่านานาชาติที่เจริญมากในช่วง
คริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึง 19 มีเรือสินค้าเทียบท่าทั้งญี่ปุ่นและจีน เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้า
มาหลายปีก่อนที่จะย้ายไปเมืองดานัง

โฮจิมินห์
พระราชวังสมัยราชวงศ์เหงียน ต่อด้วย เจดีย์เทียมมู

พิพิธภัณฑ์สงครามที่แสดงการสู้รบต่อต้านจักรวรรดินิยม / แนวรั้วคอมพิวเตอร์ แมคนามาร่าที่เป็นระบบป้องกันศัตรูของกองทัพสหรัฐฯ /

สะพานเหี่ยนเลือง ข้ามแม่น้ำ เบ๋นห่าย ที่เป็นแนวเขตเส้นขนานที่ 17 แบ่งแดน เวียดนามเหนือ-ใต้ ที่เป็นยุทธภูมิสำคัญ
ตัวสะพานเดิมสร้างด้วยไม้ ยังคงอนุรักษ์ไว้ หัวสะพาน 2 ด้านมีเสาลำโพงเพื่อใช้ส่งกระจายเสียง

อุโมงค์วินม๊ก มีความยาวรวม 1700 เมตร มีประตูทางเข้าออก 13 ประตู โดย 7 ประตูออกสู่ทะเล และ 6 ประตูขึ้นบนเนินเขา อุโมงค์มี 3 ชั้น ชั้นลึกสุดอยู่ใต้พื้นดิน 23 เมตร ถือเป็นสัญลักษณ์ของชาวชนบทที่ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างเพื่อใช้หลบภัยจากสงคราม

อุโมงค์กูจี ในอดีตชาวเวียดกงได้ขุดขึ้น ในระหว่างสงครามมี ชาวเวียดนามได้อาศัยอยู่ประมาณ 80,000 คน สำหรับเป็นที่อยู่อาศัย หลบภัย
และยังใช้เป็นที่บัญชาการทางทหารในสมัยที่ทำสงครามกับทหารเวียดนามใต้และกองทัพอเมริกัน อุโมงค์ยังสามารถทะลุออกสู่แม่น้ำไซง่อนได้อีกด้วย

โฮจิมินท์ ซิตี้ เมืองที่มีเงาแห่งยุคอาณานิคมฝรั่งเศลปรากฎให้เห็นอยู่มากมาย ด้วยสถาปัตยกรรม อาคาร บ้านเรือน ผู้คนในชุดอ๋าวหญ๋ายแปลกตา

โบสถ์นอร์ทเทรอดาม โบสถ์หลังคาสูงที่สร้างในสมัยที่เวียดนามยังอยู่ในอาณานิคมของฝรั่งเศส
โดยสร้างเพื่อให้เป็นโบสถ์ประจำเมืองไซ่ง่อนและได้สร้างตามต้นแบบของประเทศฝรั่งเศส

อนุสาวรีย์ท่านประธานโฮจิมินห์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของศาลากลาง ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส

ศาลาว่าการเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ที่ด้านหน้าได้สร้างอนุสาวรีย์ท่านประธานโฮจิมินห์ไว้ให้ชาวเวียดนามได้รำลึกถึงชมความงดงามของสถาปัตยกรรมตะวันตก
ปัจจุบันใช้เป็นหอสวดมนต์สำหรับผู้ที่เป็นคริสต์ศาสนิกชน ให้ท่านถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกชม

ดาลัด
เมืองที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นเมืองแห่ง “ปารีสตะวันออก” เมืองแห่งดอกไม้ เมืองแห่งดอกไม้ผลิ เมืองแห่งความรัก
อยู่บนเขาสูงถึง 1500 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่พักร้อนของชาวฝรั่งเศษ ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศษเป็น 100ปีแล้ว
สถาปัตยกรรมแบบทั้งสมัยเก่าและสมัยใหม่ ล้อมรอบด้วยทิวทัศน์สน เป็นหมู่บ้านด้วยสีสันสวยงาม เป็นเมืองแห่งโรแมนติค เมืองดาลัท อากาศจะหนาวตลอดทั้งปี โดยเฉพาะ ช่วงเดือน ตุลาคม – มีนาคม และจะมีการจัดเทศกาลดอกไม้ ทุกๆเดือน ธันวาคมของทุกปี

วังฤดูร้อนของของกษัตริย์เบ๋าได๋
ภายใน จะประกอบไปด้วยห้องนอนของพระองค์พระมเหสีหลายองค์ พระโอรส พระธิดา ห้องทำงาน และห้องนั่งเล่น

สถานีรถไฟดาลัด (Old railway Station) ถือเป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดของเวียดนามและอินโดจีน สถานีถูกสร้างขึ้นโดยชาวฝรั่งเศส
มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ไม่ซ้ำกันมีสามหลังคามุก สถานีได้รับการยอมรับว่าเป็นวัฒนธรรมประจำชาติอันเก่าแก่ ห

โบสถ์กุ๊กไก่ (Chicken Church) ซึ่งมีรูปไก่อยู่บนยอดวิหารของโบสถ์ เป็นโบสถ์สไตล์ฝรั่งเศสที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในเมืองดาลัด

หุบเขาแห่งความรัก ( Love Valley ) ภายในสวนแห่งนี้จะมีประติมากรรม ต่างๆ ที่แสดงเกี่ยวกับความรัก ต่างๆ เอาไว้
ทั้งแบบที่เป็นรูปปั้น เป็นสวนดอกไม้ ทั่วทั้งสวนเต็มไปด้วยดอกไม้สีสัน สวยงาม

ทะเลสาบ เตวียนลาม ซึ่งแวดล้อมไปด้วยทิวสนและพรรณไม้เรียงรายบนเนินเขาท่ามกลางอากาศเย็นสบาย และบรรยากาศอันแสนโรแมนติค

น้ำตก Datalla Water Fall นั่งรถราง ลงไปดูน้ำตก

สวนดอกไม้เมืองหนาวของเมืองดาลัท สัมผัสดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งเป็นสายพันธุ์มาจากยุโรปเสียส่วนใหญ่