เมืองชายแดน > วิถีชีวิต ภาคเหนือ |
|
|
|
ภาพโดย : www.facebook.com/WhiteCloudTravel, thai.tourismthailand.org |
|
|
|
วิถีชีวิต |
|
|
ภาคเหนือเป็นดินแดนที่มีอาณาเขตกว้างขวาง มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์
ผู้คนอาศัยในดินแดนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ คนเมืองกับชาวเขา
คนเมือง ใช้เรียกคนที่อาศัยในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำในเขตจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน
แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน
จากสภาพภูมิศาสตร์อันอุดมสมบูรณ์ คนเมืองในภาคเหนือมีอาชีพทางการเกษตรเป็นหลัก
มีวัฒนธรรมประเพณีหลายอย่างเกี่ยวข้องกับการเกษตร และขนบธรรมเนียมเก่าแก่ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา
แต่ครั้งปู่ย่าตายาย เช่น การนับถือผี เมื่อพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองขึ้น ทำให้เกิดประเพณีต่าง ๆ
ตามความเชื่อทางศาสนา เช่น ประเพณีสงกรานต์ งานปอย ทานขันข้าว ตักบาตรเทโว
ชาวเขา เป็นชนกลุ่มน้อยเผ่าต่าง ๆ ที่เคลื่อนย้ายเข้ามาและกระจายตัวอยู่ทั่วไปตามพื้นที่สูง
ของภาคเหนือ ชนกลุ่มน้อยมีอยู่หลายเผ่า เช่น ม้ง ลาหู่ อาข่า ลีซูหรือลีซอ เป็นต้น
ชนเผ่าต่าง ๆ มีความผูกพันกับป่าเขา ดำรงชีวิตด้วยการเพาะปลูกบนที่สูงและการเลี้ยงสัตว์
มีวัฒนธรรมประเพณีเป็นของตนเอง ทั้งภาษา เครื่องแต่งกาย ศาสนา พิธีกรรมและความเป็นอยู่
|
|
ที่อยู่อาศัย |
ที่อยู่อาศัย วัฒนธรรมประเพณี สภาพดินฟ้าอากาศ มีส่วนกำหนดลักษณะที่อยู่อาศัยของผู้คน
บ้านเรือนในภาคเหนือ นิยมสร้างด้วยวัสดุธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นสอดคล้องกับวิถีชีวิต ตัวเรือนมีขนาด
เล็กใต้ถุนสูง หลังคาทรงจั่ว ประดับยอดหลังคาด้วยไม้แกะสลักไขว้กัน เรียกว่า "กาแล" ชาวเหนือที่มีฐานะดี
จะอยู่เรือนที่ค่อนข้างมีขนาด ใหญ่และประณีตมากขึ้น |
|
|
|
การแต่งกาย |
การแต่งกาย ในอดีตผู้หญิงชาวเหนือไม่นิยมใส่เสื้อแต่มีผ้าคล้องคอผืนใหญ่ นุ่งผ้าซิ่น
ลายขวางต่อหัวและเชิง ส่วนผู้ชายนุ่งผ้าผืนเดียว ต่อมาภายหลังจนกระทั่งปัจจุบัน การแต่งกาย
พื้นเมืองมีลักษณะแปลงไป ผู้หญิงนุ่งซิ่นกรอมเท้า อาจเป็นซิ่นลายขวางหรือซิ่นที่ทอด้วยลวดลาย
วิจิตรงดงาม สวมเสื้อผ้าฝ้ายตัวสั้น นิยมตกแต่งด้วยเครื่องประดับเงิน ส่วนผู้ชายใส่เตี่ยวสะดอ
หรือกางเกงขาก๊วยและเสื้อหม้อห้อมเคียนเอวด้วยผ้าขาวม้า อันเป็นลักษณะที่แสดงความเรียบง่าย
ปัจจุบันการแต่งกายพื้นเมืองยังเป็นที่นิยมทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อมีงานบุญ งานประเพณี
และงานเลี้ยงขันโตก เป็นต้น
|
|
|
|
ขนบธรรมเนียมประเพณี |
ขนบธรรมเนียมประเพณี เครื่องดนตรีล้านนาเป็นเครื่องดนตรีทางภาคเหนือ ที่พบเห็นเสมอ
ได้แก่ ซึง สะล้อ ปี่ กลอง ซึ่งมีหลายชนิด เช่น กลองหลวง กลองสะบัดชัย
สำหรับการฟ้อนรำนั้น ผู้ชายนิยมฟ้อนดาบซึ่งเป็นการนำเอาท่วงท่าศิลปะการต่อสู้ของคน
สมัยก่อนมาปรับประยุกต์ ฟ้อนที่นิยมได้แก่ ฟ้อนเล็บ ฟ้อนก๋ายหลาย เป็นต้น
ปัจจุบันดนตรีและการฟ้อนรำของภาคเหนือเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ใช้แสดงต้อนรับแขกบ้าน
แขกเมืองเมื่อมีเทศกาลหรืองานประเพณีต่าง ๆ ก็จะนำดนตรีและการแสดงพื้นบ้านออกมาเล่นกัน
อย่างสนุกสนาน |
|
|
|
หัตถกรรมพื้นบ้าน |
ภาคเหนือเป็นภูมิภาคที่มีทรัพยากรป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ที่สำคัญคือไม้ไผ่ชนิดต่าง ๆ เช่น
ไม้รวก ไม้ซาง ซึ่งชาวเหนือได้นำมาทำเป็นเครื่องจักสานรูปแบบต่าง ๆ เช่น
แอ่ว
เป็นภาชนะเครื่องจักสานที่มีขนาดใหญ่ เกษตรกรในสมัยก่อนใช้สำหรับรองรับการฟาดข้าว
และบรรจุข้าวเปลือกที่ฟาดได้ ก่อนที่จะนำไปเก็บที่ยุ้งฉาง
กระด้ง
เป็นภาชนะเครื่องจักสานที่ใช้สำหรับฝัดข้าว สานเป็นภาชนะรูปแบบกลมมีขอบปากทำด้วยไม้ไผ่
กระด้งยังใช้งานอื่น ๆ ได้หลายประการ เช่น ฝัดแยกเม็ดทราย ข้าวเปลือก ดอกหญ้า
ออกจากข้าวสาร ใช้ใส่อาหารเช่นผักผลไม้ ใช้เป็นภาชนะวางอาหารสำหรับตากหรือผึ่งแดด
เช่น ปลา เป็นต้น
ก่องข้าว โดยทั่วไปสานด้วยไม้ไผ่ มีขนาดเล็กใหญ่ต่าง ๆ กัน สำหรับใส่ข้าวเหนียว
แอบข้าว เป็นภาชนะใส่ข้าวเหนียวเช่นเดียวกันแต่มีขนาดเล็กกว่าสำหรับพกพาเวลาไปทำงานนอกบ้าน
ไม้ไผ่ เป็นวัสดุที่นิยมใช้จักสานกันมากที่สุด ได้แก่ ซ้า หวด ก่องข้าว แอบข้าว โตก ฝาชี แอบหมาก
หมวก บุง สุ่ม ข้อง ฯลฯ
หวาย นิยมนำมาทำเครื่องเรือน
กก นิยมนำมาสานเสื่อสำหรับปูนั่งหรือนอน และของใช้ชนิดต่าง ๆ
ใบลานและใบตาล นำมาสานหมวก งอบ และของใช้ชนิดต่าง ๆ
เครื่องจักสานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นของภาคเหนือ คือ เครื่องเขินหรือเครื่องรัก ซึ่งเป็นภาชนะ
ทำด้วยไม้ไผ่ สานเป็นรูปต่าง ๆ ตามลักษณะการใช้สอย ทาด้วยยางรัก ชาวเหนือเรียกว่า "น้ำฮัก" ซึ่งได้
มาจากต้นรัก ที่มีอยู่ในภาคเหนือ แล้วเขียนลวดลายตามต้องการและนำไปปิดทอง ซึ่งถือว่ามีความประณีต
สวยงาม ป้องกันน้ำ ความชื้น ทนทานต่อความร้อนและสารเคมีได้ดี |
|
|
|
|
|
ที่มาของภาพ และข้อมูล
การดำเนินชีวิตของคนไทย โดย นางวิไลภรณ์ สุจา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ศูนย์ข้อมูลข่าวสารอาเซียน กรมประชาสัมพันธ์
|