|
|
ภาพโดย : www.facebook/YoYing Sopa,
www.facebook/Pui Apiwat, www.tourismthailand.org |
|
หลวงพระบางเป็นเมืองเก่าแก่ของอาณาจักรล้านช้าง แต่เดิมมีชื่อว่าเมืองซัว ในปี พ.ศ. 1300 ขุนลอ ซึ่งถือเป็นปฐมกษัตริย์ลาวได้ทรงตั้งเมืองซัวเป็นราชธานีของอาณาจักรล้าน ช้างและได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเชียงทอง ในปี พ.ศ.1896 พระเจ้าฟ้างุ่มทรงรวบรวมบ้านเมืองเป็นอาณาจักรเดียวกันภายใต้ชื่อกรุงศรีสัต นาคนหุตล้านช้างร่มขาว โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเชียงทอง
เมืองเชียงทองเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองหลวงพระบางในรัชสมัยพระโพธิสารราชเจ้า เมื่อพระองค์ได้อาราธนาพระบางจากเมืองเวียงคำมาประดิษฐานที่เมืองเชียงทอง เมืองเชียงทองจึงถูกเรียกว่า “หลวงพระบาง” นับแต่นั้นมา ปัจจุบันชาวลาวนิยมเรียกเมืองหลวงพระบางว่า “เมืองหลวง”
มีหลักฐานว่าอาณาจักรล้านช้างติดต่อกับตะวันตกตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้า สุริยวงศาธรรมิกราช ซึ่งครองราชย์ระหว่างปีพ.ศ.2181-2238 โดยเจริญไมตรีกับฮอลันดา แต่การสำรวจภูมิประเทศโดยนักสำรวจตะวันตกน่าจะเริ่มประมาณปีพ.ศ.2404 โดยอองรี มูโอต์ นักสำรวจฝรั่งเศสที่ทำให้ชาวตะวันตกรู้จักนครวัด และมาเสียชีวิตที่หลวงพระบาง รวมทั้งในปีพ.ศ.2409 เมื่อฝรั่งเศสส่งคณะนำโดยดูดารต์ เดอลาเกร และฟรังซีส การ์นิเย ออกสำรวจแม่น้ำโขง
เมืองหลวงพระบางตั้งอยู่บริเวณที่แม่น้ำคานไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง อยู่ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ประมาณ 380 กิโลเมตร ตัวเมืองเก่ามีอาคารเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรม ล้านช้างและแบบโคโลเนียลจำนวนมาก และมีวัดหลายแห่ง ผู้คนมีวิถีชีวิตเรียบง่าย องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเมืองหลวงพระบางเป็นมรดกโลกเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2538 โดยยกย่องว่าเป็นเมืองที่ได้รับการอนุรักษ์ที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ |
|
การท่องเที่ยว
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
แหล่งท่องเที่ยวธรมชาติ
แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ |
|
จุดผ่านแดนไทย
-
ลาว
|
|
ที่มาของภาพ และข้อมูล
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียงจันทน์
ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
กระทรวงการต่างประเทศ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ศูนย์ข้อมูลข่าวสารอาเซียน กรมประชาสัมพันธ์
|